รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557
ในวันที่ 20 พฤษภาคม ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่เวลา 3.00 น. กองทัพบกตั้งกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.) และให้ยกเลิกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) กอ.รส. ปิดสื่อ ตรวจพิจารณาเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ต และจัดประชุมเพื่อหาทางออกวิกฤตการณ์การเมืองของประเทศ แต่การประชุมไม่เป็นผล จึงเป็นข้ออ้างรัฐประหารครั้งนี้
หลังรัฐประหาร มีประกาศให้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 สิ้นสุดลงยกเว้นหมวด 2 คณะรัฐมนตรีรักษาการหมดอำนาจ ตลอดจนให้ยุบวุฒิสภา ปัจจุบัน คณะรักษาความสงบแห่งชาติเป็นผู้ใช้อำนาจนิติบัญญัติ และประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้ใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรี คสช. มีการจัดส่วนงานต่าง ๆ เพื่อบริหารราชการแผ่นดิน และระบุว่าจะปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ไม่มีคำมั่นว่าประเทศจะหวนกลับสู่การปกครองโดยพลเรือนโดยเร็ว
หลายประเทศประณามรัฐประหารครั้งนี้ รวมทั้งมีการกดดันต่าง ๆ เช่น ลดกิจกรรมทางทหารและลดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่คนไทยจำนวนหนึ่งแสดงความยินดี โดยมองว่าเป็นทางออกของวิกฤตการณ์การเมือง แต่ก็มีคนไทยอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วย เนื่องจากไม่เป็นไปตามวิถีประชาธิปไตย
เบื้องหลัง
ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรและพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง และตั้งรัฐบาลใหม่โดยมียิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี มีการประท้วงต่อต้านรัฐบาล นำโดย สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2556 ภายหลัง สุเทพตั้งคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตั้ง "สภาประชาชน" ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเพื่อดูแลการปฏิรูปการเมือง กลุ่มนิยมรัฐบาล รวมทั้ง แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จัดชุมนุมเช่นกัน มีความรุนแรงเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2556 ยิ่งลักษณ์ยุบสภาผู้แทนราษฎรและกำหนดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไปในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 การเลือกตั้งไม่เสร็จสมบูรณ์ในวันนั้นเพราะถูกผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลขัดขวาง ศาลรัฐธรรมนูญเพิกถอนการเลือกตั้งในวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2557 ในวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเป็นเอกฉันท์ให้ยิ่งลักษณ์และรัฐมนตรีที่มีมติย้ายข้าราชการระดับสูงซึ่งเป็นที่โต้เถียงใน พ.ศ. 2554 รัฐมนตรีที่เหลืออยู่เลือกนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รักษาการนายกรัฐมนตรีแทนยิ่งลักษณ์ แต่การประท้วงยังดำเนินต่อ
ลำดับเหตุการณ์
03:30 น. - กำลังทหารพร้อมอาวุธ เข้าควบคุมที่ทำการช่องโทรทัศน์ต่าง ๆ ทั้งภาคพื้นดินและผ่านดาวเทียมหลายช่อง โดยร้องขอให้เชื่อมสัญญาณออกอากาศ จากสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5[7]
04:00 น. - สื่อสังคมออนไลน์ เผยแพร่ประกาศกฎอัยการศึก และประกาศจัดตั้งกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.) [7]
06:30 น. - ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ออกประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย
08:25 น. - กอ.รส.ออกคำสั่งฉบับที่ 1 ให้สื่อวิทยุและโทรทัศน์ทั้งหมด รับสัญญาณถ่ายทอดแถลงการณ์จากกองทัพบกทุกครั้งที่ได้รับการประสาน[7]
08:42 น. - กอ.รส.ออกคำสั่งฉบับที่ 2 ให้ผู้ชุมนุมทางการเมืองอยู่ในพื้นที่เดิม โดย กปปส. ให้อยู่ที่ถนนราชดำเนิน เขตพระนคร และถนนแจ้งวัฒนะ ช่วงหน้าศูนย์ราชการฯ เขตหลักสี่ ส่วน นปช. ให้อยู่ที่ถนนอักษะ เขตทวีวัฒนา[7]
09:48 น. - กอ.รส. ออกคำสั่งฉบับที่ 3 ห้ามสื่อข่าวที่กระทบต่อการรักษาความสงบ[8]
10:36 น. กอ.รส. ออกคำสั่งฉบับที่ 6 สั่งให้โทรทัศน์ผ่านดาวเทียมระงับการออกอากาศจำนวน 10 ช่อง รวมถึงวิทยุชุมชนที่ไม่ได้รับอนุญาต[9]
11:06 น. กอ.รส. ออกคำสั่งฉบับที่ 5 แต่งตั้งคณะที่ปรึกษา กอ.รส.
12:40 น. กอ.รส. ออกคำสั่งฉบับที่ 4 เชิญบุคคลสำคัญร่วมประชุมแก้ปัญหาความไม่สงบ[10]
14:00 น. กอ.รส. เริ่มประชุมตามคำสั่งฉบับที่ 4 ที่สโมสรทหารบก สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ปฏิเสธไม่เข้าร่วมประชุม[11]
19:34 น. กอ.รส. ออกคำสั่งฉบับที่ 8 ขอความร่วมมือสื่อสังคมออนไลน์ ระงับส่งข้อความปลุกระดม สร้างความรุนแรง ไม่เคารพกฎหมาย[12]
19:45 น. กอ.รส. ออกคำสั่งฉบับที่ 7 สั่งให้โทรทัศน์ดาวเทียมระงับการออกอากาศเพิ่มเติมอีก 4 ช่อง[13]
20:09 น. กอ.รส. ออกคำสั่งฉบับที่ 9 สั่งห้ามสื่อทุกแขนง เชิญผู้ไม่มีตำแหน่งราชการ แสดงความเห็นก่อความขัดแย้ง พร้อมสั่งให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัด เข้าระงับการชุมนุมต่อต้าน การปฏิบัติงานของ กอ.รส.[14]
20:49 น. กอ.รส. ออกคำสั่งฉบับที่ 10 สั่งห้ามข้าราชการ-เจ้าหน้าที่พลเรือน-ประชาชน พกพา-ใช้อาวุธสงครามและวัตถุระเบิด เว้นทหารตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยตามคำสั่ง[15]
21:04 น. พันเอกวินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะ โฆษก กอ.รส. ชี้แจงขั้นตอนการประกาศกฎอัยการศึกว่าเป็นไปตามกฎหมายทุกประการ ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย[16] และ กอ.รส. ออกคำสั่งฉบับที่ 12 ให้ตำรวจ, เจ้าหน้าที่พลเรือน, หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ[17][18]
21 พฤษภาคม[แก้]
วันที่ 21 พฤษภาคม 2557 กลุ่มผู้ชุมนุมทั้งสองยังชุมนุมต่อไป กอ.รส. ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจตรวจพิจารณาอินเทอร์เน็ตและสั่งให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายงานต่อ กอ.รส. เพื่อควบคุมเนื้อหาออนไลน์[19] ในช่วงบ่ายวันนั้น มีประกาศ กอ.รส. ฉบับที่ 6/2557 เพื่อเรียกตัวแทนจาก 7 ฝ่ายเข้าร่วมประชุมที่สโมสรกองทัพบก ถนนวิภาวดีรังสิต[20] โดยห้ามมิให้มีผู้ติดตามเดินทางมาด้วย โดยรายนามผู้ที่ได้รับเชิญมีดังนี้
ผู้แทนรัฐบาล ประกอบด้วย นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รักษาการนายกรัฐมนตรี และผู้ติดตาม 4 คน โดยนิวัฒน์ธำรง มอบหมายให้ ชัยเกษม นิติสิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นหัวหน้าคณะแทน (ผู้ติดตามประกอบด้วย พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม วราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ)
ผู้แทนวุฒิสภา ประกอบด้วย สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 และผู้ติดตาม 4 คน (ผู้ติดตามอีก 1 คน คือ พีระศักดิ์ พอจิต ส.ว.อุตรดิตถ์)
คณะกรรมการการเลือกตั้ง ประกอบด้วย ศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง และคณะกรรมการการเลือกตั้ง 4 คน (คณะกรรมการการเลือกตั้ง 3 คน และเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง 1 คน ประกอบด้วย บุญส่ง น้อยโสภณ กรรมการการเลือกตั้ง ด้านสืบสวนสอบสวน สมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง ประวิช รัตนเพียร กรรมการการเลือกตั้ง ด้านกิจการการมีส่วนร่วม และภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง)
ผู้แทนพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรค และผู้ติดตาม 4 คน โดยจารุพงศ์มอบหมายให้ วิโรจน์ เปาอินทร์ รองหัวหน้าพรรค เป็นหัวหน้าคณะแทน (ผู้ติดตามประกอบด้วย ภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรค ชูศักดิ์ ศิรินิล คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย และวันมูหะมัดนอร์ มะทา กรรมการยุทธศาสตร์พรรค)
ผู้แทนพรรคประชาธิปัตย์ ประกอบด้วย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และผู้ติดตาม 4 คน (ผู้ติดตามประกอบด้วย จุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรค ชำนิ ศักดิเศรษฐ์ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรค และนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค)
ผู้แทนคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ประกอบด้วย สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ และผู้ติดตาม 4 คน (ผู้ติดตามประกอบด้วย สาทิตย์ วงศ์หนองเตย สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ สมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำ กปปส. และเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส.)
ผู้แทนแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประกอบด้วย จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน และผู้ติดตาม 4 คน (ผู้ติดตามประกอบด้วย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ธิดา ถาวรเศรษฐ วีระกานต์ มุสิกพงศ์ และก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำ นปช.)
โดยการประชุมเป็นไปอย่างเคร่งเครียดตั้งแต่เวลา 13.30 น. จนประยุทธ์ จันทร์โอชาตัดสินใจให้มาประชุมกันใหม่ในวันรุ่งขึ้น (22 พฤษภาคม 2557) เวลา 14.00 น.[21] เพื่อหาทางออกของประเทศร่วมกัน ภายหลังรัฐมนตรีรักษาการได้ออกมาเผยว่าท่าทีของ พล.อ. ประยุทธ์ในที่ประชุมดูแปลกไป แต่ตนเชื่อว่า พล.อ. ประยุทธคงไม่คิดรัฐประหารแน่นอน[ต้องการอ้างอิง]
22 พฤษภาคม[แก้]
ทหารบกมีส่วนสำคัญในการก่อรัฐประหารครั้งนี้
14:00 น. - ประชุมร่วม 7 ฝ่าย เพื่อหาทางออกของประเทศครั้งที่ 2 ตามประกาศกอ.รส. ฉบับที่ 8/2557 โดยมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานในที่ประชุม ระหว่างการประชุม พลเอก ประยุทธ์ เปิดโอกาสให้แต่ละฝ่ายได้เสนอแนวทางที่เห็นว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดของประเทศ หลังจากเวลาผ่านไปสองชั่วโมงก็ไม่มีข้อยุติ ต่อมา สุเทพ เทือกสุบรรณ กับจตุพร พรหมพันธุ์แยกไปหารือเป็นการส่วนตัว ขณะเดียวกัน ประยุทธ์ก็ได้หารือกับผู้บัญชาการเหล่าทัพไปพร้อม ๆ กัน[22] เมื่อกลับมาหารือกันต่อ ประยุทธ์ได้สอบถาม ชัยเกษม นิติสิริ ในฐานะหัวหน้าตัวแทนฝ่ายรัฐบาล ว่ารัฐบาลยืนยันไม่ลาออก ทั้งรายบุคคลและทั้งคณะใช่หรือไม่ ซึ่งชัยเกษม ระบุว่า นาทีนี้ไม่ลาออก และต้องการดำเนินการต่อจนกว่าจะครบวาระตามกฎหมาย ประยุทธ์จึงตอบกลับว่าจะยึดอำนาจการปกครอง[23] และสั่งจับกุมสมาชิกคณะรัฐมนตรี ตลอดจนแกนนำ กปปส., นปช. และพรรคการเมืองที่เข้าร่วมเจรจา ทั้งหมดถูกนำไปกักขัง[24] ที่กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์[25]
16:30 น. - ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศตั้ง "คณะรักษาความสงบแห่งชาติ" (คสช.) ยึดอำนาจรัฐบาลรักษาการทันที รวมถึงให้กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.) หมดอำนาจ แต่คำสั่งต่าง ๆ ยังมีผลต่อเนื่องอยู่[26]
17:00 น. - เกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่ม นปช. กับเจ้าหน้าที่ทหารบริเวณถนนอุทยาน[27]
17:30 น. - เจ้าหน้าที่ทหารเข้าคุมพื้นที่ถนนอุทยานสำเร็จ และสั่งให้กลุ่ม นปช. ยุติความเคลื่อนไหวจนกว่าจะมีคำสั่ง สื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำหน้าที่ของตน และให้อยู่ในอำนาจตามที่กำหนด[27]
18:00 น. - คสช. ประกาศใช้พระราชบัญญัติกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักรอีกครั้ง[26]
18:20 น. - คสช. ออกประกาศฉบับที่ 3 ห้ามประชาชนออกจากเคหสถาน ตั้งแต่เวลา 22.00 น. - 5.00 น. ทั่วราชอาณาจักร เว้นแต่ว่าจะได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่[26] ผลแห่งประกาศนี้ทำให้สถานที่สำคัญหลายแห่งทั่วประเทศประกาศปิดทำการตั้งแต่เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป รวมถึงระบบขนส่งมวลชนต่าง ๆ ก็ประกาศปิดทำการก่อนเวลาเช่นกัน กล่าวคือ รถไฟฟ้าบีทีเอส ประกาศปิดทำการตั้งแต่เวลา 21.00 น.[28] รถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ประกาศปิดทำการตั้งแต่เวลา 21.00 น.[29] และรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประกาศปิดทำการตั้งแต่เวลา 21.00 น.[30] สำหรับสายซิตี้ไลน์จะออกในเวลา 21.02 น. และสำหรับสายเอ็กซ์เพรสไลน์ จะออกจากสถานีท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเที่ยวสุดท้ายในเวลา 21.00 น.[31]
18:30 น. - คสช. ออกประกาศฉบับที่ 4 บังคับให้สื่อวิทยุ โทรทัศน์ และโทรทัศน์ดาวเทียมทุกสถานี งดออกอากาศรายการตามปกติ และให้ใช้สัญญาณของสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกออกอากาศไปจนกว่าจะได้รับคำสั่งเปลี่ยนแปลง[26] ผลแห่งประกาศนี้ทำให้ ทรูวิชันส์[32] จีเอ็มเอ็มแซต[33] และซีทีเอช[34] ที่เป็นบริการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก ต้องใช้สัญญาณของสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกออกอากาศไปบนช่องรายการทุกช่องโดยไม่ว่าจะเป็นช่องรายการในประเทศหรือนอกประเทศจนกว่าจะได้รับคำสั่งเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
19:00 น. - คสช. ออกประกาศให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ชุมนุมกลับสู่ภูมิลำเนาตามเดิม โดยทางกองทัพบกได้จัดขบวนรถจากองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพเพื่ออำนวยความสะดวก และได้ออกคำสั่งให้ทหารที่รับผิดชอบในพื้นที่ช่วยจัดการบริหารให้ประชาชนเดินทางกลับ[26]
19:10 น. - คสช. ออกประกาศฉบับที่ 5 ให้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 สิ้นสุดลงชั่วคราว ยกเว้นหมวด 2 พระมหากษัตริย์ และให้คณะรัฐมนตรีรักษาการสิ้นสุดลง ส่วนวุฒิสภา ศาล และองค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญยังปฏิบัติหน้าต่อไป[26]
19:19 น. -คสช. ออกประกาศฉบับที่ 6[26]
19:42 น. - คสช. ออกประกาศฉบับที่ 7[26]
20:55 น. - คสช. ได้ออกประกาศฉบับที่ 8 โดยให้ยกเว้นข้อห้ามการออกจากเคหสถานยามค่ำคืนให้กับบางบุคคล[26]
21:00 น. - คสช. ออกคำสั่งฉบับที่ 1 โดยให้อดีตรัฐมนตรี 18 คนเข้ารายงานตัว[35]
21:06 น. - คสช. ออกประกาศฉบับที่ 9[26]
23:54 น . - คสช. ออกประกาศฉบับที่ 10[26]
23:57 น . - คสช. ออกประกาศฉบับที่ 11 ให้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 สิ้นสุดลง ยกเว้นหมวด 2 พระมหากษัตริย์[26]
23 พฤษภาคม[แก้]
00:01 น. - คสช. ออกประกาศฉบับที่ 12[26]
00:52 น. - คสช. ออกประกาศฉบับที่ 13[26]
00:57 น. - คสช. ออกประกาศฉบับที่ 14[26]
01:03 น. - คสช. ออกประกาศฉบับที่ 15 โดยให้ระงับการถ่ายทอดออกอากาศของโทรทัศน์ดาวเทียม เคเบิล โทรทัศน์ระบบดิจิทัล และวิทยุชุมชน ทั้งหมด 15 ช่อง ตามคำสั่ง กอ.รส. ฉบับที่ 6 และ 7/2557[26]
01:14 น. - คสช. ออกคำสั่งฉบับที่ 2 เพื่อเรียกตัวบุคคลสำคัญทั้งสิ้น 23 คน รวมยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเข้าพบ คสช.[26]
01:35 น. - คสช. ออกประกาศฉบับที่ 16[26]
01:39 น. - คสช. ออกประกาศฉบับที่ 17[26]
01:47 น. - คสช. ออกประกาศฉบับที่ 18[26]
01:59 น. - คสช. ออกประกาศฉบับที่ 19[26]
03:00 น. - ตัวแทนฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ที่ถูกคุมตัวได้รับการปล่อยตัว[36]
09:00 น. - คสช. ออกคำสั่งฉบับที่ 3 เพื่อเรียกตัวบุคคลสำคัญเข้าพบเพิ่มอีก 114 คน เข้าพบ คสช. ที่หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ ในเวลา 10:00 น.[26]
09:57 น. - อดีตคณะรัฐมนตรี รวมยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และกลุ่มบุคคลตามคำสั่งที่ 1-3 ทยอยมารายงานตัวกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในขณะที่ตัวแทนฝ่ายพรรคเพื่อไทยก็ได้รับการปล่อยตัวเช่นกัน[37][38][39][40]
11:40 น. - คสช. ออกประกาศฉบับที่ 20[26]
12:10 น. - คสช. ออกประกาศฉบับที่ 21[26]
13:05 น. - คสช. อนุมัติให้ประกาศฉบับที่ 4/2557 ไม่มีผลกับโทรทัศน์ระบบแอนะล็อก ดังนั้น ช่อง 3, ช่อง 5, ช่อง 7, โมเดิร์นไนน์ และเอ็นบีทีจึงกลับมาออกอากาศได้ตามปกติตั้งแต่เวลา 16:00 น. ของวันนี้[41]
รูปแบบตราเครื่องหมาย คสช.ที่แสดงบนหน้าจอ ของช่องโทรทัศน์ที่ได้รับอนุญาต
16:32 น. - คสช. อนุมัติให้ประกาศฉบับที่ 4/2557 ไม่มีผลกับโทรทัศน์ระบบแอนะล็อกเพิ่มเติม ดังนั้น สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส สามารถกลับมาออกอากาศได้ตามปกติ ตั้งแต่เวลา 18:00 น. ของวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2557[42]
16:55 น. - กลุ่มประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหารเริ่มตั้งกลุ่มชุมนุมบริเวณด้านหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร แยกปทุมวัน เจ้าหน้าที่ทหารได้พยายามขอคืนพื้นที่แต่ไม่สำเร็จ[43]
16:59 น. - อิสสระ สมชัย แถลงว่า แกนนำกลุ่ม กปปส. ทั้งหมด 30 คน จะเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ดีเอสไอในช่วงเช้าของวันที่ 26 พฤษภาคม[44]
17:07 น. - กลุ่มประชาชนเริ่มใช้พื้นที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าสนามกีฬาแห่งชาติ แขวนป้ายแสดงจุดยืนต่อต้านการรัฐประหาร[43]
17:17 น. - กลุ่มทหารเริ่มใช้อำนาจสลายการชุมนุมบริเวณด้านหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร แต่ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมโห่ไล่จนต้องถอนตัวออกจากพื้นที่[ต้องการอ้างอิง]
18:05 น. - สถานีโทรทัศน์ระบบแอนะล็อกทั้ง 6 ช่อง กลับมาออกอากาศรายการตามปกติ โดยแสดงภาพสัญลักษณ์ที่ คสช.กำหนดไว้บนหน้าจอ เพื่อเป็นเครื่องยืนยันการอนุโลมให้ออกอากาศ[45]
18:09 น. - คสช. ออกประกาศฉบับที่ 22[26]
19:30 น. - เจ้าหน้าที่ทหารเริ่มสลายการชุมนุมบริเวณด้านหน้าหอศิลป์วัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครอีกครั้ง หลังครั้งที่แล้วไม่สำเร็จ[46] มีผู้ถูกจับกุม 5 คน ทราบชื่อ 3 คน คือ ธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการนิตยสารและสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน, ว่าที่ร้อยตรีอภิชาติ พงษ์สวัสดิ์ และบุณยรักษ์ วัฒนะรัตน์[47]
19:37 น. - คสช. เผยแพร่ข่าวผ่านแถบตัวอักษรวิ่ง ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ประกาศอนุโลมให้ผู้ที่ต้องขับรถขนถ่ายเชื้อเพลิงสามารถออกนอกเคหสถานโดยไม่ต้องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่[ต้องการอ้างอิง]
20:10 น. - เจ้าหน้าที่ทหารควบคุมพื้นที่บริเวณด้านหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร และสถานีรถไฟฟ้าสนามกีฬาแห่งชาติ มีประชาชนถูกเจ้าหน้าที่ทหารจับกุมอย่างน้อย 5 ราย ทราบชื่อ 3 ราย คือ อภิชาติ พงษ์สวัสดิ์, บุณยรักษ์ วัฒนะรัตน์ และสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ และประสานให้หอศิลป์วัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร และสถานีรถไฟฟ้าสนามกีฬาแห่งชาติตัดไฟบริเวณด้านหน้าอาคารและทางเดินสกายวอล์คทั้งหมด ทั้งจัดกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยทั้งบนสถานีรถไฟฟ้า และด้านหน้าอาคาร[46][48]
20:15 น. - คสช. ปล่อยตัว สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย หลังเข้าควบคุมตัวขณะเข้ามารายงานตัวเมื่อช่วงบ่าย[49] ส่วนยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกเจ้าหน้าที่ทหารคุมตัวขึ้นรถตู้ไปยังค่ายอดิสร จังหวัดสระบุรี และกักตัวไว้เป็นเวลา 3 วันเพื่อความปลอดภัย[50]
23:30 น. - คสช. ประกาศเรียกผู้ให้บริการโทรทัศน์ระบบดิจิทัลทั้งหมด เข้าพบเพื่อปรึกษาหารือ และรับฟังคำชี้แจงแนวทาง ในการกลับมาออกอากาศ โทรทัศน์ระบบดิจิทัลตามปกติ ในวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 09:00 น. ที่กองบัญชาการรักษาความสงบแห่งชาติ[ต้องการอ้างอิง]
24 พฤษภาคม[แก้]
00:30 น. - คสช. ออกประกาศฉบับที่ 23[ต้องการอ้างอิง]
09:35 น. - ผู้ให้บริการช่องโทรทัศน์ระบบดิจิทัล และโทรทัศน์ผ่านสายเคเบิลระดับชาติ เข้าพบ คสช. โดยคาดว่าจะสามารถออกอากาศได้ในวันเดียวกัน[51]
10:25 น. - คสช. ออกคำสั่งฉบับที่ 5 เพื่อเรียกตัวบุคคลสำคัญทั้งสิ้น 35 คน มีทั้งสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, บุคคลสำคัญของกลุ่มพันธมิตรฯ, บุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทางการเมืองย้อนหลังไปจนถึง พ.ศ. 2549 และศรันย์ ฉุยฉาย (อั้ม เนโกะ) อดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เข้าพบ คสช.[52]
10:40 น. - คสช. ออกประกาศเฉพาะฉบับที่ 25[53]
10:50 น. - คสช. ยกเว้นประกาศฉบับที่ 4/2557 แก่ช่องโทรทัศน์ระบบดิจิทัลทั้งหมดโดยอนุโลม จึงสามารถกลับมาออกอากาศตามปกติอีกครั้ง ยกเว้นวอยซ์ทีวี ช่อง 21 ที่ยังระงับการออกอากาศ[51] ซึ่งแต่เดิมรวมถึงโทรทัศน์ดาวเทียม 274 ช่องรายการ ที่มีเนื้อหาสาระซึ่งไม่ขัดต่อประกาศ คสช.ด้วย[54] โดยทุกช่องที่กลับมาออกอากาศจะแสดงภาพสัญลักษณ์ที่ คสช.กำหนดไว้บนหน้าจอ
10:53 น. - เจ้าหน้าที่ทหารปิดการจราจรบนถนนพหลโยธินทั้งขาเข้าและขาออก ใกล้กับสี่แยกรัชโยธิน หลังเริ่มมีกลุ่มผู้ชุมนุมมาประท้วงรัฐประหาร[55]
11:58 น. - เจ้าหน้าที่ทหารเริ่มตรึงกำลังบริเวณด้านหน้าโรงภาพยนตร์เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน เขตจตุจักร หลังมีผู้ชุมนุมเริ่มตั้งกลุ่มประท้วงการทำรัฐประหารอีกครั้งและมีทีท่าว่าเหตุการณ์จะบานปลาย[55]
15:03 น. - คสช. ออกประกาศฉบับที่ 27[56]
16:15 น. - เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจชุดควบคุมฝูงชนเริ่มตรึงพื้นที่บริเวณทางเข้าสถานีตำรวจนครบาล บางซื่อ หลังเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมไม่สำเร็จ และต้องการเคลื่อนขบวนต่อ โดยผู้ชุมนุมเตรียมใช้รถไฟฟ้าบีทีเอสในการหลีกเลี่ยงการปะทะกับเจ้าหน้าที่ และเดินทางไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ[57][58]
16:40 น. - กลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐประหาร เริ่มใช้พื้นที่บนสกายวอล์ครอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิปักหลักชุมนุม[57]
16:57 น. - เจ้าหน้าที่ทหารเริ่มบุกเข้ามาในพื้นที่ชุมนุม แต่ฝั่งผู้ชุมนุมขัดขืนและวิ่งไล่เจ้าหน้าที่ให้ออกจากพื้นที่ชุมนุม[57]
17:00 น. - ผู้ชุมนุมบางส่วนปักหลักชุมนุมที่บริเวณสี่แยกปทุมวันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เจ้าหน้าที่ทหารได้ตรึงกำลังไว้ก่อน ภายหลังผู้ชุมนุมถอยร่นไปยังบริเวณสนามกีฬาแห่งชาติ บางส่วนหนีเข้าเอ็มบีเคเซ็นเตอร์ แต่ไม่นานเจ้าหน้าที่ของศูนย์การค้าจะออกมาปิดประตูทางเชื่อมสกายวอล์คทั้งหมด[57]
17:54 น. - คสช. ออกประกาศฉบับที่ 28 โดยระบุว่าถวายรายงานสถานการณ์ให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทราบ และมีหนังสือตอบกลับจากสำนักราชเลขาธิการว่าความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทเรียบร้อยแล้ว[59]
18:00 น. - พลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก ถูกเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ภายหลังจึงส่งไปรายงานตัวต่อ คสช. ก่อนจะถูกย้ายตัวไปยังค่ายทหาร เช่นเดียวกับผู้เข้ารายงานตัว คนอื่นๆ[60]
18:11 น. - ผู้ชุมนุมบริเวณสี่แยกปทุมวัน เริ่มทยอยกลับ[57]
18:48 น. - คสช. ออกคำสั่งฉบับที่ 7, 8, 9 เนื้อหาย้ายและแต่งตั้งข้าราชการ และออกประกาศฉบับที่ 30 ให้วุฒิสภาสิ้นสุดลง[61]
19:00 น. - คสช.บังคับให้ช่องโทรทัศน์ดาวเทียม ที่ไม่เป็นช่องโทรทัศน์บอกรับสมาชิกหลายช่อง งดออกอากาศรายการปกติอีกครั้ง โดยช่องซีเอ็นเอ็น, บีบีซี เวิลด์นิวส์ ตลอดจนช่องข่าวจากต่างประเทศทั้งหมด ถูกระงับการออกอากาศไปก่อน ตั้งแต่ประกาศที่ 27/2557 มีผลใช้บังคับ[ต้องการอ้างอิง]
20:15 น. - คสช. ออกคำสั่งห้ามผู้ให้บริการโทรทัศน์ทุกช่อง มิให้เปิดรับข้อความตัวอักษร หรือการโทรศัพท์เข้าแสดงความคิดเห็นต่างๆ ภายในรายการ หากฝ่าฝืน คสช.จะลงโทษจากเบาไปหาหนักคือ ตักเตือน เรียกพบ และออกคำสั่งระงับสัญญาณช่องรายการในที่สุด[54]
21:11 น. - คสช. ออกคำสั่งฉบับที่ 6 และฉบับที่ 10[62] และออกประกาศฉบับที่ 29, 31, 32, 33
21:36 น. - คสช. ออกคำสั่งฉบับที่ 11 เนื้อหาย้ายและแต่งตั้งข้าราชการ และฉบับที่ 12[63]
22:35 น. - คสช. ออกประกาศฉบับที่ 35[ต้องการอ้างอิง]
23:25 น. - คสช. ออกประกาศฉบับที่ 36 และออกคำสั่งที่ 13 เรียกตัวบุคคลเพิ่ม 6 รายรวมกาญจนา หงษ์เหิน เลขานุการของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร และพิชิต ชื่นบาน (ทนายถุงขนม 2 ล้านบาท) เข้าพบ คสช.[64]
23:28 น. - สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ รักษาการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งให้นายตำรวจ 8 รายที่เกี่ยวข้องกับทักษิณ ชินวัตร ให้ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถนนพระรามที่ 1 เขตปทุมวัน โดยให้ละทิ้งหน้าที่เดิมที่รับผิดชอบอยู่ รวมถึงแต่งตั้งนายตำรวจรักษาการแทน[65]
25 พฤษภาคม[แก้]
8:57 น. - หัวหน้า คสช. ออกแถลงถึงเหตุการณ์ย้ายข้าราชการระดับสูงและเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงคืนวานนี้ และอธิบายถึงเหตุผลว่าทำไมต้องออกคำสั่งเรียกตัวบุคคลมาพบ ก็เพื่อให้มาปรับความเข้าใจเรื่องความขัดแย้ง[ต้องการอ้างอิง]
10:00 น. - กลุ่มต่อต้านรัฐประหารได้เดินทางมายังร้านแมคโดนัลด์ สาขาศูนย์การค้าอมรินทร์พลาซ่า ใกล้แยกราชประสงค์ เพื่อทำกิจกรรมต่อต้านรัฐประหาร โดยทหารได้ตรึงกำลังโดยรอบ มีรายงานผู้ชุมนุมถูกควบคุมตัว 1 ราย[ต้องการอ้างอิง]
10:00 น. - ประวิทย์ โรจนพฤกษ์ เดินทางเข้าพบ คสช. ตามคำสั่ง โดยเข้ามาพร้อมกับ อานนท์ นำภา ทนายความจากสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ 3 คน[66] หลังจากนั้นไม่นานไพวงษ์ เตชะณรงค์, วิมลรัตน์ กุลดิลก และพิชิต ชื่นบาน ก็เดินทางเข้าพบ คสช. ตามคำสั่งเช่นกัน[67]
10:10 น. - เจ้าหน้าที่จากสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ 3 คน เดินทางออกจากหอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ โดยไม่ได้มีอานนท์ นำภา และประวิทย์ โรจนพฤกษ์ ติดตามออกมาด้วย[66]
11:00 น. - มีกลุ่มบุคคลแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านรัฐประหารประมาณ 30 คน ที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ถนนวิทยุ ในจำนวนนี้มีชาวไทยสัญชาติอเมริกันเข้าร่วมด้วย[68]
11:30 น. - กลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ออกเดินทางจากสถานทูตไปสมทบกับกลุ่มผู้ชุมนุมอีกกลุ่มที่บริเวณด้านหน้าศูนย์การค้าอมรินทร์พลาซ่า ในเวลาไม่นานเจ้าหน้าที่ก็ได้เข้ามาตรึงกำลัง และปิดการจราจรบนถนนวิทยุ ตั้งแต่แยกสารสินจนถึงแยกเพลินจิต เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้ชุมนุมมาชุมนุมด้านหน้าสถานทูตอีก[68]
14:30 น. - กลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มเคลื่อนตัวจากบริเวณหน้าศูนย์การค้าอมรินทร์พลาซา ผ่านแยกราชประสงค์ ไปทางประตูน้ำ เพื่อเดินทางไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ[ต้องการอ้างอิง]
14:40 น. - คสช. ออกแถลงว่าได้ประสานให้กระทรวงการต่างประเทศเตรียมดำเนินคดีโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ฐานลงข้อความที่ผิดต่อประกาศ คสช. และพยายามอ้างว่ารัฐบาลไทยกำลังจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น โดยเบื้องต้นได้แจ้งให้กระทรวงเทคโนโลยีและการสื่อสาร ปิดกั้นไม่ให้ประชาชนเข้าถึงข้อความดังกล่าวทุกวิถีทางแล้ว[69]
14:51 น. - คสช. ออกแถลงว่าให้ชาวนาเข้ามารับเงินค่าจำนำที่ค่ายทหารและกองทัพอากาศ ในช่วงบ่ายของวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 โดยใช้งบสี่หมื่นล้านบาทที่เป็นเงินกู้สภาพคล่องของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรในการจ่ายล็อตแรก ส่วนล็อตหลังจะเป็นเงินกู้จากสถาบันการเงินภายในประเทศทั้งหมดห้าหมื่นล้านบาท โดย คสช. คาดว่าจะใช้เวลา 1 เดือน ในการจ่ายเงินค่าจำนำให้ชาวนาครบทุกราย ส่วนระยะเวลาการชำระคืนคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 14-15 เดือน ถึงจะสามารถปลดหนี้ส่วนนี้ได้[70]
15:00 น. - กลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว[ต้องการอ้างอิง]
16:02 น. - วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวความมั่นคง หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ รายงานอ้างถึงคำแถลงของ คสช. ว่าผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐอเมริกา โทรศัพท์ถึง พลเอก ประยุทธ์ โดยเชื่อใจและให้กำลังใจ พลเอก ประยุทธ์ ในรัฐประหารครั้งนี้[71]
16:12 น. - พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร ได้ทวีตข้อความบนทวิตเตอร์ส่วนตัว ระบุว่าเศร้าสลดกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น และต้องการให้ คสช. คืนอำนาจแก่ประชาชนโดยเร็ว[72]
16:23 น. - คสช. ออกประกาศฉบับที่ 37 ให้ศาลทหารมีอำนาจพิจารณาและพิพากษาคดีในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 107-118 และความผิดตามประกาศหรือคำสั่งของ คสช. โดยให้ยกเว้นคดีความผิดในพื้นที่ที่มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (พ.ร.บ. มั่นคง) และ พ.ร.บ. บริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน[73] ภายหลังมีประกาศเพิ่มเติมว่าความผิดข้างต้น ห้ามจำเลยแต่งตั้งทนายมาสู้คดี และจำเลยไม่มีสิทธิ์นำคดีไปยื่นอุทธรณ์หรือฎีกา[ต้องการอ้างอิง]
18:31 น. - พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นเป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติแล้ว โดยให้รอรับพระบรมราชโองการ ที่กองบัญชาการทหารบกในเวลา 10:49 น. ของวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2557[74]
19:50 น. - พลโท ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 3 สั่งปลด พลตำรวจตรี กริช กิติลือ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ โดยให้ละทิ้งหน้าที่ปัจจุบัน และย้ายเข้ามาช่วยราชการโดยไม่มีตำแหน่งใน สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 หลังมีเบาะแสว่า พลตำรวจตรี กริชแอบให้ความช่วยเหลือพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายพันตำรวจโท ทักษิณ[75]
19:58 น. - คสช. ทวิตอย่างเป็นทางการ ขอความร่วมมือให้ประชาชนหรือร้องขอให้บุคคลในครอบครัว ไม่ออกมาเข้าร่วมชุมนุมต่อต้านการทำงานของ คสช. เพราะถึงทำไปก็ไม่มีประโยชน์ และเจ้าหน้าที่ก็มีสิทธิ์ดำเนินการตามคำสั่งภายใต้กฎอัยการศึกและประกาศหรือคำสั่งของ คสช. และถ้าประชาชนได้รับความเดือดร้อนหรือได้รับบาดเจ็บ จะไม่มีสิทธิ์เรียกร้อง[76]
20:33 น. - คสช. ออกคำสั่งฉบับที่ 14, 15 และ 16 โดยให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม 38 คน โดยรวมอรรถชัย อนันตเมฆ อดีตข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี[77] และฉบับที่ 17 อนุญาตให้ขนส่งสินค้าทางบก/ทางน้ำ/ทางอากาศในห้วงเวลาที่ห้ามออกนอกเคหสถาน แต่เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบได้ ถ้าพบสิ่งผิดปกติ[78]
21:09 น. - ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 5 ประกาศยกเลิกคำสั่งย้าย พลตำรวจตรี กริช กิติลือ หลังมีหนังสือส่งมาอีกฉบับว่า ตัวหนังสือที่ส่งมาก่อนหน้ามีเหตุขัดข้องบางประการ[79]
21:34 น. - คสช. ออกประกาศฉบับที่ 38[80]
22:45 น. - ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้รับการปล่อยตัวจากค่ายทหาร[81]
23:00 น. - คสช. ออกคำสั่งฉบับที่ 18 โดยให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่ม 4 คน รวมทั้ง พลตำรวจตรี อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และแทนคุณ จิตต์อิสระ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์[82]
23:45 น. - คสช. ออกคำสั่งฉบับที่ 19 โดยให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่ม 2 คน[83]
26 พฤษภาคม[แก้]
9:25 น. - ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ออกมายืนยันว่าพร้อมจ่ายค่าจำนำให้ชาวนาภายในสามวัน โดยจะจ่ายครบ 830,000 คน ภายในเดือนมิถุนายนนี้[ต้องการอ้างอิง]
9:49 น. - เจ้าหน้าที่ทหารคุมตัวสุเทพ เทือกสุบรรณ พร้อมแกนนำ กปปส. ออกจากค่ายทหาร และพาเข้ารายงานตัวในคดีกบฏกับสำนักงานอัยการสูงสุด[84]
10:49 น. - กองทัพบกจัดพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ [85][86]
11:24 น. - พลเอก ประยุทธ์ แถลงข่าวหลังได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นหัวหน้า คสช.[87]ความตอนหนึ่งว่า จำเป็นต้องรัฐประหารเพื่อให้ประเทศเดินหน้า จากนี้จะแต่งตั้งรัฐบาลชั่วคราว แต่ยังสรุปไม่ได้ว่าจะให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ระหว่างนี้ คสช. จะบริหารราชการไปพลางก่อน[88]
12:00 น. - ศาลอาญามีคำสั่งประทับรับฟ้องในคดีที่พนักงานอัยการยื่นฟ้องสุเทพ เทือกสุบรรณ ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาเล็งเห็นผล จากกรณีมีคำสั่งสลายการชุมนุมของ นปช. เมื่อ พ.ศ. 2553 ส่วนคดีกบฏ ของกรมสอบสวนคดีพิเศษยังไม่ได้มีการพิจารณา[89]
14:00 น. - สุเทพ เทือกสุบรรณ ยื่นคำร้องและหลักทรัพย์เป็นบัญชีเงินฝากของธนาคารกสิกรไทยเพื่อขอประกันตัว ต่อมาศาลอนุมัติคำร้องให้ประกันตัวได้ โดยตีราคาการประกันตัวที่ 600,000 บาท และมีข้อแม้ว่าห้าม สุเทพ เทือกสุบรรณ เดินทางออกจากประเทศ ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากศาล อีกทั้งศาลนัดให้มาตรวจพยานหลักฐานอีกครั้งในวันที่ 28 กรกฎาคมนี้ ภายหลังเจ้าหน้าที่คุมตัวขึ้นรถและเดินทางกลับไปยังบ้านพักตามปกติ[89]
15:28 น. - แกนนำ กปปส. 13 ราย ได้รับการประกันตัวชั่วคราว หลังวางเงินประกันตัวคนละ 100,000 บาท อัยการนัดสอบปากคำเพิ่มรายบุคคลภายหลัง[90]
16:30 น. - กลุ่มผู้ต่อต้านรัฐประหารเดินทางมาชุมนุมที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิอีกครั้งเป็นวันที่ 3[ต้องการอ้างอิง]
18:30 น. - กลุ่มผู้ต่อต้านรัฐประหารแยกย้ายออกจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและบริเวณข้างเคียง[ต้องการอ้างอิง]
20:08 น. - ทรูวิชันส์ ออกแถลงกรณีการระงับการออกอากาศช่องข่าวสารต่างประเทศ 14 ช่อง เช่น ซีเอ็นเอ็น, บีบีซี เวิลด์นิวส์, ซีเอ็นบีซี ว่าช่องรายการดังกล่าวไม่สามารถควบคุมเนื้อหาบนจอโทรทัศน์ได้ อาจเข้าข่ายความผิดตามประกาศของ คสช. จึงจำเป็นต้องระงับการส่งสัญญาณชั่วคราว[91]
21:07 น. - คสช. ออกประกาศฉบับที่ 39, 40 และ 41[92][93]
21:45 น. - พันเอก ณัฐวัฒน์ จันทร์เจริญ รองโฆษกกองทัพบก แถลงกรณีที่มีการแชร์ข้อความในเฟซบุ๊ก จากบุคคลที่อ้างว่าชื่อ "ตาล" ที่ลงประกาศจ้างบุคคลชุมนุมต่อต้าน คสช. โดยมีค่าแรงให้วันละ 400 บาทถึง 1,000 บาทต่อคน[94] รวมถึงระบุว่ามีนายทุนตู้ม้าเถื่อนคอยหนุนหลังสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนออกมาต้าน คสช. และขอประชาชนอย่าชุมนุมต่อต้าน คสช.[95]
22:42 น. - คสช. ออกคำสั่งฉบับที่ 23 เรียกบุคคลเข้าพบ 16 คน รวมบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี และชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย[96]
27 พฤษภาคม[แก้]
14:00 น. - พล.ต.พลภัทร วรรณภักตร์ เลขานุการกองทัพบก ได้เชิญตัวศุภฤกษ์ ธงไชยฤทธิ์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และวาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหารหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ เข้าพบที่ห้องทำงานเพื่อแจ้งข้อความจาก พล.อ.ประยุทธ์ ให้รับทราบ พร้อมขอความร่วมมือกรณีการตั้งคำถามกับ พล.อ.ประยุทธ์ เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ รู้สึกไม่ดีต่อการที่ต้องถูกตั้งคำถามในลักษณะรุกไล่[97]
15:40 น. - ทหารเข้าควบคุมตัวจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ อาคารมณียาเซ็นเตอร์ ถนนเพลินจิต ท่ามกลางผู้สื่อข่าวจำนวนมาก โดยจาตุรนต์มิได้ขัดขืน[98][99]
20:40 น. - คสช. ออกประกาศฉบับที่ 42 โดยปรับเวลาห้ามออกนอกจากเคหสถาน จากเดิมเป็น เวลา 00.01 - 4.00 น. และออกคำสั่งเฉพาะฉบับที่ 24
28 พฤษภาคม[แก้]
15:55 น. - เว็บไซต์เฟซบุ๊กและอินสตาแกรมถูกปิดชั่วคราว ผู้ใช้บริการของทีโอที เมื่อเข้าเพจดังกล่าวจะพบข้อความ “ปิดชั่วคราว ตามคำสั่ง กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย” ก่อนกลับมาใช้ได้ตามปกติเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น.[100]
16:45 น. - เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวจาตุรนต์มายังกองบังคับการปราบปราม เพื่อเตรียมนำตัวไปขึ้นศาลทหาร นับเป็นพลเรือนคนแรกที่ถูกดำเนินคดีในศาลทหาร[101]
18:30 น. - เกิดความวุ่นวายระหว่างการชุมนุมประท้วงรัฐประหารที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ทหารจับผู้ชุมนุมไป 2 คน ผู้ชุมนุมสลายตัวอีกประมาณ 10 นาทีต่อมา[102]
29 พฤษภาคม[แก้]
12:03 น. - คสช. ออกประกาศ ฉบับที่ 46/2557 ห้ามติดตามทวงหนี้ชาวนาอย่างไม่เป็นธรรม และออกคำสั่ง ฉบับที่ 30-31 เรียกบุคคลมารายงานตัวเพิ่ม[103]
15:35 น. - ตำรวจปิดการจราจรรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ห้ามบุคคลภายนอกเข้า จนกว่าการชุมนุมจะยุติ[104]
6 มิถุนายน[แก้]
21:30 น. - เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมตัวสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด หลังจากไม่เข้ารายงานตัวตามคำสั่งของ คสช. โดยมีรายงานว่าถูกนำไปควบคุมตัวไว้ที่ค่ายทหาร ร.21 รอ. ชลบุรี[105]
8 มิถุนายน[แก้]
19:15 น. - โทรทัศน์ทุกช่องเริ่มทยอยนำตราเครื่องหมาย คสช.ออกจากมุมขวาบนของหน้าจอ (มีเพียงช่องพีพีทีวีที่แสดงอยู่มุมซ้ายบน) หลังจากได้รับอนุญาตแล้ว[106] โดยในส่วนโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบแอนะล็อก ช่องแรกที่นำออกคือ ททบ. ตามด้วยช่อง 7 สี, โมเดิร์นไนน์ทีวี, ไทยพีบีเอส, ไทยทีวีสีช่อง 3 และ สทท. อนึ่ง ตราเครื่องหมายของ คสช.ดังกล่าว ยังคงใช้แสดงที่มุมขวาบนของหน้าจอโทรทัศน์ ขณะออกประกาศหรือคำสั่งแทรกรายการปกติของทุกช่อง
9 มิถุนายน[แก้]
เจ้าหน้าที่ทหารจับกุมทอม ดันดี ที่ ต.วังจันทร์ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี และนำส่งศาลทหาร[107]
10 มิถุนายน[แก้]
ฉลาด วรฉัตร ฟ้อง คสช. ปลัดกระทรวง และเจ้ากรมพระธรรมนูญ รวม 28 คนต่อศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ฐานความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ไทยและกบฏ จากการประกาศกฎอัยการศึกและยึดอำนาจการปกครองประเทศ[108] ต่อมา ศาลอาญาให้ยกฟ้อง เพราะโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องในคดีนี้ ศาลพิจารณาว่า ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรถือเป็นความผิดต่อรัฐ รัฐเป็นผู้เสียหาย จึงมีพนักงานอัยการเท่านั้นที่มีอำนาจฟ้องคดีอาญาต่อศาล[109]
13 มิถุนายน[แก้]
คสช. ออกประกาศฉบับที่ 64 ประกาศยกเลิกห้ามประชาชนออกจากเคหสถานทั่วราชอาณาจักร[110]
19 มิถุนายน[แก้]
คสช.ออกคำสั่งที่ 70/2557 ย้ายอธิบดีกรมจัดหางานนาย ประวิทย์ เคียงผล และ ผู้อำนวยการสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์มาปฏิบัติราชการที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี[111]
กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย
กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.) (อังกฤษ: Peace and Order Maintaining Command (POMC)) เป็นหน่วยงานที่จัดตั้งตามประกาศกองทัพบก ฉบับที่ 2/2557 หลังจากการประกาศกฎอัยการศึก ตั้งกองบัญชาการที่กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์
การระงับการออกอากาศ ช่องโทรทัศน์ดาวเทียม และวิทยุชุมชน[แก้]
ตามคำสั่งที่ 6/2557 เรื่อง ขอความร่วมมือ ระงับการถ่ายทอดออกอากาศ ของช่องโทรทัศน์ดาวเทียม และวิทยุชุมชน
สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม เอเชียอัปเดต
สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม ดีเอ็นเอ็น
สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม ยูดีดี
สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม พีแอนด์พี
สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม โฟร์แชนแนล
สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม เอ็มวี 5
สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม บลูสกาย
สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม เอเอสทีวี
สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม ทีนิวส์
สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม เอฟเอ็มทีวี
วิทยุชุมชน ที่ไม่ได้รับอนุญาต ให้จัดตั้งตามกฎหมาย
และตามคำสั่งที่ 7/2557 เรื่อง ขอความร่วมมือ ระงับการถ่ายทอดออกอากาศ ของช่องโทรทัศน์ดาวเทียม และวิทยุชุมชนเพิ่มเติม
สถานีโทรทัศน์ วอยซ์ทีวี
สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม ฮอตทีวี
สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม One Rescue
สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.)